9 / 100

เชื่อว่าทุกคนนั้นมีความฝัน ผมเองก็มีความฝัน และไม่ว่าฝันนั้นจะเป็นอะไร เชื่อมั้ยว่ามันสามารถเป็นจริงได้ ผ่านแนวคิดและการกระทำของคุณเอง สิ่งที่อยู่เบื้องหลังและเป็นความจริงที่พิสูจน์แล้ว คือ คุณสามารถนำบางสิ่งเข้ามาในชีวิต ผ่านความคิด แรงดึงดูด อารมณ์ และ ความเชื่อ พฤติกรรมที่คุณแสดงออกมา จะเป็นเหมือนแม่แหล็กที่ดึงดูดทุกสิ่งที่คุณต้องการ ไม่ใช่แค่เพียง การอธิษฐานและสวดภาวนา แล้วทุกอย่างจะเป็นจริง

มีหนังสือขายดีหลายเล่มที่เป็นตำนาน อย่าง The Secret และผลงานวิจัยทางวิทยาศาสตร์จำนวนไม่น้อย ที่ได้กล่าวถึงการแสดงพฤติกรรมที่นำไปสู่ความสำเร็จเอาไว้ว่า การคิดในเชิงบวกมีประโยชน์ในชีวิตจริง ต่อสุขภาพ การทำงาน มากกว่าการคิดในเชิงลบ นอกจากนี้ คนอื่นและสิ่งแวดล้อมก็ยังส่งผลกระทบต่อตัวเราได้อีกด้วย ยกตัวอย่างเช่น เมื่อคุณดูหนังสยองขวัญที่ผู้คนกำลังหนีจากผีที่ตามหลอกหลอน หัวใจของคุณจะเต้นแรงราวกับว่าคุณกำลังวิ่งหนีจริงๆ และคุณยังรู้สึกกลัวเหมือนกับตัวละครเหล่านั้น แม้ว่าคุณจะนั่งดูจากจอโทรทัศน์ ที่บ้านคุณเอง

จากตัวอย่างนี้ เราจะเห็นความน่าอัศจรรย์ของสมอง บางครั้งเราสามารถจินตการถึงสิ่งหนึ่งได้โดยที่เราไม่เคยเห็นมาก่อน เช่น วิศวกรต้องการจะสร้างตึกขึ้นมา 1 หลัง สิ่งที่แรกที่เข้าจะทำคือการจินตการว่าตึกที่จะสร้างนั้นหน้าตาเป็นอย่างไร เสร็จแล้วจึงร่างแบบที่อยู่ในจินตการออกมา เพื่อทำให้มันเป็นจริง ดังนั้น เพื่อให้ได้สิ่งที่คุณต้องการ เหตุใดคุณจึงต้องคิดถึงแต่เรื่องที่ไม่ดี เชิงลบ ด้วยละ ทำไมคุณไม่มุ่งความสนใจ ทั้งหมด ไปที่ผลลัพธ์ที่คุณต้องการ คิดบวกและใช้พลังงานในการกระตุ้นตัวเองเกี่ยวกับสิ่งที่คุณควรทำ เพื่อให้บรรลุความฝันของคุณ ตามขั้นตอนดังต่อไปนี้

12 ขั้นตอนทำความฝันให้กลายเป็นจริง

1.มีความคิดเชิงบวก

คิดถึงแต่สิ่งดีๆ ที่จะช่วยผลักดันคุณให้ไปถึงเป้าหมายที่ต้องการ อย่างที่เกริ่นมาแล้วก่อนหน้านี้ว่า ความคิดของคุณจะเป็นตัวกำหนดทุกสิ่งในชีวิตคุณ ถ้าหากคุณไม่เริ่มต้นแม้แต่จะคิด ยังไงความฝันของคุณก็ไม่มีวันเป็นจริงได้ โลกใบนี้อุดมสมบูรณ์และมีทุกอย่างเพียงพอสำหรับทุกคน คุณต้องกล้าที่จะฝัน ก่อนที่คุณจะลงมือทำ

2.มีความชัดเจนเกี่ยวกับเป้าหมาย

กำหนดและเจาะจงเกี่ยวกับสิ่งที่คุณต้องการสร้างในชีวิตของคุณให้ชัดเจน ยิ่งคุณเจาะจงมากเท่าไหร่ ก็ยิ่งดีเท่านั้น จำนวนเงินที่คุณต้องการเป็นเท่าไหร่? บ้านราคาไหน รถสีไหน รุ่นอะไร ต้องใช้เวลานานแค่ไหน ปีไหน วิธีการที่คุณจะทำ ทำอย่างไร คุณจำเป็นต้องเลือกเส้นทางและกำหนดสิ่งต่างๆที่คุณต้องการให้ชัดเจน

3.เริ่มต้นด้วยความตั้งใจและใส่ใจ

เมื่อคุณชัดเจนกับเป้าหมายแล้ว ก็ลงมือทำตามสิ่งที่คุณกำหนดไว้ อย่างตั้งใจและใส่ใจทุกรายละเอียด ไม่หวอกแหวกออกนอกเส้นทาง เช่น ถ้าเป้าหมายของคุณคือรถสวยๆสักคัน สิ่งที่คุณต้องทำก็คือการหาเงินให้พอกับราคารถที่คุณฝันเอาไว้ คุณต้องเริ่มต้นทำงานเก็บเงิน ให้ได้ตามเป้าหมาย

4.เชื่อว่าคุณทำได้

คุณต้องเชื่อว่าคุณคู่ควรกับสิ่งที่คุณต้องการ บ้านหลังใหญ่ รถสวย แฟนดีๆ เงินทอง ต้องสร้างความมั่นใจว่าตัวเองนั้นดีพอที่จะครอบครองสิ่งเหล่านั้น ถ้าคุณไม่รู้สึกว่ามันเป็นไปได้ มันก็จะเป็นอย่างนั้น ถ้าตัวคุณยังไม่เชื่อว่าคุณจะได้สิ่งนั้น คุณก็จะไม่มีวันได้มัน นี่คือความจริง เพราะแค่คุณมีความสงสัยในสิ่งที่คุณคิดเพียงนิดเดียว มันจะบั่นทอนความตั้งใจของคุณลงไปอย่างมาก

5.เขียนลงไป

การเขียนสิ่งที่เราต้องการลงไป เป็นการแสดงออกและทำให้มันมีตัวตนเกิดขึ้นจริง อย่างน้อยก็เปลี่ยนจากความคิดที่มองไม่เห็นให้กลายมาเป็นตัวอักษร จับต้องได้ เหมือนแบบแปลนของตึก ที่ยกตัวอย่างมาก่อนหน้านี้ จากนั้นก็เริ่มสร้างตามแบบที่เราได้ร่างขึ้น

6.นึกภาพตัวเองในอนาคต

นึกภาพตัวเองตอนที่คุณได้ครอบครองสิ่งที่คุณต้องการแล้ว เช่น คุณนั่งอยู่หลังพวงมาลัยรถเบนซ์คันงาม สีดำ มีแฟนคนสวยของคุณนั่งอยู่ข้างๆ คุณเหยีบบคันเร่งพาแฟนของคุณไปทะเล นั่งทานอาหารดูดดื่มกับความสวยงามริมทะเล นี่ไม่ใช่เรื่องที่โกหกขึ้นมาลอย มีหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ และในหนังสือเกี่ยวกับชีวประวัติคนดังหลายเล่ม ที่ยืนยันแนวคิดนี้ ความรู้สึกถึงความสำเร็จสร้างพลังบวกได้อย่างมหาศาล และทำให้เกิดความเป็นได้จริง

7.ใช้การยืนยันทุกวัน

เขียนสิ่งที่คุณต้องการจริงๆ ลงไปแล้วกล่าวยืนยันในสิ่งที่คุณต้องการทุกวัน วันละ 2-3 ครั้งหรือจะบ่อยกว่านั้นก็ได้ การพูดยืนยันจะช่วยตอกย้ำสิ่งที่คุณต้องการไปในจิตใต้สำนึก หรือคุณอาจจะทำเป็น vision บอร์ดตัดรูปสิ่งคุณต้องการติดไว้ในที่ที่คุณสามารถมองเห็นได้ชัดเจน ทุกวันก็ได้

8.ลงมือทำ

ความเข้าใจผิดอย่างมากเกี่ยวกับ กฎแรงดึงดูด ก็คือ การคิดว่า การที่พร่ำอธิษฐานอย่างเดียว จะทำให้คุณได้ในสิ่งที่ต้องการ ในความจริงคุณต้องมีส่วนร่วมกับสิ่งที่คุณร้องขอ ด้วยการลงมือทำ ตามเส้นทางที่คุณได้กำหนดตั้งแต่แรก จากนั้นกฎแรงดึงดูดจะช่วยหาทางที่ถูกต้องให้กับคุณเอง เช่น

9. จงขอบคุณและอดทน

แนะนอนว่าความฝันของคุณไม่มีทางสำเร็จในชั่วข้ามคืน ในระหว่างเส้นทางที่คุณดำเนินไป จงขอบคุณสิ่งที่คุณได้รับ ไม่ว่าแม้จะเล็กน้อยก็ตาม ลาภลอยเล็กๆ สิ่งที่คุณได้รับอย่างไม่คาดคิด ถึงแม้ว่ามันยังไม่สามารถ พาคุณไปสู่สิ่งที่ต้องการได้ แต่มันก็แสดงให้เห็นแล้วว่าคุณกำลังมาถูกทาง อย่างน้อย การขอบคุณและความกตัญญูรู้คุณก็ทำให้คุณมีความสุข สุขภาพดีได้ ถ้าคุณไม่รู้สึก โกรธ หรือ เกลียด ใคร จิตใจของคุณก็จะดีขึ้นไม่เครียด อันนี้เป็นผลพลอยได้ของการสำนึกรู้คุณ

10.เลิกต่อต้าน พูดไม่ดีกับตัวเอง และ เลิกจำกัดความเชื่อตัวเอง

ไม่ว่าจะดูถูกตัวเองหรือดูถูกคนอื่นก็ไม่เป็นผลดีทั้งสิ้นถ้าคุณกำลังตกอยู่ในความคิดเชิงลบกับตัวเอง หรือ กับผู้อื่น วิธีที่คุณสามารถเปลี่ยนความคิดไปเป็นเชิงบวกได้ก็คือ การเบี่ยงเบนความคิดออกจากสิ่งที่คุณกำลังคิดอยู่ เช่น ถ้าคุณกำลังต่อต้านตัวเองว่าฉันคงทำไม่ได้ ให้คุณเลิกคิดถึงเรื่องนั้นแล้วไปทำอย่างอื่นแทน อาจจะดูรายการตลก ฟังเพลงสนุก หรือ ทำอย่างอื่นที่ไม่เกี่ยวข้องกับเรื่องที่คุณกำลังคิดไปเลย มันคือการผละออกจากความคิดด้านลบของคุณเอง

11.เอาชนะอุปสรรค

แน่นอนว่าเส้นทางไปสู่ความฝัน มันคงไม่ราบรื่นไปตลอด ต้องมีปัญหา อุปสรรคเข้ามาบ้าง คุณจำเป็นต้องยืนยัดในสิ่งที่คุณทำให้ได้ ความเหนื่อย ความท้อ เป็นสิ่งที่ต้องเจอแบบหลีกเลี่ยงไม่ได้ และแน่นอนว่านี่คือปัญหาใหญ่ที่ทำให้หลายคนไม่ประสบความสำเร็จ สิ่งสำคัญที่คุณควรต้องเอาชนะให้ได้ ก็คือ การชนะใจตัวเอง

12.เชื่อมั่นในกระบวนการ

อย่าตั้งคำถามกับสิ่งที่คุณกำลังทำลงไป ยิ้มให้กับสิ่งที่เป็นไปได้ มุ่งเน้นไปที่ผลลัพธ์ที่ต้องการ ด้วยความเชื่อมั่น ทุกอย่างจะเกิดขั้นตามที่มันควรจะเป็น มีความสุขกับช่วงเวลา ปลดปล่อยไม่ยึดติดกับความฝันมากเกินไป พูดง่ายๆก็คือ ปล่อยให้มันเป็นไปตามธรรมชาติ ถ้าเชื่อว่าทุกสิ่งที่เราทำถูกต้องแล้ว ก็อย่ากังวล

สรุป คือ ทุกคนสามารถทำสิ่งที่ฝันได้เหมือนกัน ไม่มีใครที่จะมาจำกัดคุณว่าคุณทำไม่ได้ ยกเว้นตัวคุณเอง Elon Musk มีความฝันว่าต้องการสร้างอาณานิคมบนดาวอังคาร เขาจึงเริ่มสร้างจรวด ที่สามารถนำกลับเอามาใช้ใหม่ได้ แล้วเขาก็ทำสำเร็จ การจะไปใช้ชีวิตอยู่ที่อังคารนั้นดูแล้วเป็นเรื่องน่าเหลือเชื่อ แต่เราก็ได้เห็นแล้วว่า มีเรื่องเหลือเชื่อมากมายเกิดขึ้นบนโลกของเรา ถ้า Elon ไม่ยอมหยุดความฝันของเขา เชื่อว่าวันหนึ่งเราจะได้เห็นมนุษย์ขึ้นไปอยู่บนดาวอังคารได้จริงๆ อย่างที่เราเห็นมนุษย์อวกาศขึ้นไปเหยียบดวงจันทร์มาแล้วเมื่อ 50 กว่าปีที่แล้ว

.

ขอบคุณข้อมูลจาก : https://www.goalcast.com โดย Barbara Field

error: Content is protected !!